วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ททท.นครพนม พาสื่อเมืองนคร ทำข่าวมาราธอน

9 ธ.ค.54 จังหวัดมุกดาหาร แถลงข่าว มุกดาหาร-สะหวันนะเขต มาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 4
ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
นายวิชุกร  กุหลาบศรี ผอ.ททท.นครพนม พาสื่อมวลชนนครพนมร่วมงานแถลงข่าว
 นำโดย นายธนวัฒน์ จันทร์ต๊ะบุญ นายยกนักข่าวนครพนม  นายกิตพัฒน์อภัยโส รก.ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม
ร่วมงานแถลงข่าว การแข่งขันวิ่ง มุกดาหาร-สะหวันนะเขต มาราธอนนานาชาติครั้งที่ 4 กำหนด 18 ธันวาคม นี้
ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพิ่มสีสันประกวดวิ่งแฟนซีเน้นแนวคิดสร้างสรรค์
ส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีและการท่องเที่ยว
           
        เมื่อวันที่  9 ธ.ค.54 ดร.สมหมาย ปรีชาศิลป์รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานแถลงข่าวการแข่งขันมุกดาหาร-สะหวันนะเขต มาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 4 โดยมีนางมลัยรัก ทองผา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร นายสิงห์สำอาง เบ้าช้างเผือก ผู้อำนวยการศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดมุกดาหาร  นายชาตรี ประดุจชนม์ ผู้อำนวยการโรงเรียนมุกดาวิทยานุกูล และนายวิชุกร กุหลาบศรี ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนมร่วมแถลงข่าวการแข่งขัน
        ดร.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารกล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดมุกดาหาร ได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานถ้วยรางวัลการแข่งขันประเภทมาราธอน โดยกำหนดให้มีพิธีอัญเชิญถ้วยพระราชทานในวันที่ 16 ธันวาคม 2554 อีกทั้งปีนี้ ในการแข่งขันแต่ละประเภท ทั้งในประเภทมาราธอน ระยะทาง 42.195กิโลเมตร มินิมาราธอน ระยะทาง 10 กิโลเมตร ฟันรัน 5 กิโลเมตร วีไอพีและวิ่งแฟนซี จะได้วิ่งข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 มุกดาหาร-สะหวันนะเขตโดยเฉพาะประเภทมาราธอน กำหนดจุดกลับตัวจุดแรกที่วงเวียนไดโนเสาร์แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ด้วยซึ่งจุดปล่อยตัวและเส้นชัย อยู่ที่โรงเรียนมุกดาวิทยานุกูล เชื่อว่าวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2554 ซึ่งเป็นวันแข่งขันจะมีนักวิ่งทั้งชาวไทยและต่างชาติมาร่วมแข่งขันไม่น้อยกว่า 12 ประเทศ
         ด้าน นางมลัยรัก ทองผา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวดมุกดาหาร กล่าวว่า การแข่งขัน มุกดาหาร-สะหวันนะเขต มาราธอนนานาชาติ ครั้งที่
4 นี้ ได้เพิ่มสีสันการวิ่งให้น่าสนใจ ด้วยการประกวดวิ่งแฟนซีเน้นแนวคิดตลกขบขัน สร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีและการท่องเที่ยว โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็นประเภททีมไม่น้อยกว่า 5 คน และประเภทบุคลคลชิงเงินรางวัลรวม 22,000 บาท. สมัครได้ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหารหรือสมัครโดยตรงที่โรงเรียนมุกดาวิทยานุกูล ในวันที่ 17 ธันวาคม 2554 ระหว่างเวลา 13.00-20.00 น.
      สอบถามรายละเอียดการแข่งขัน ได้ที่  ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดมุกดาหาร สมาคมกีฬาจังหวัดมุกดาหาร ที่ทำการปกครองจังหวัดมุกดาหาร สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมุกดาหาร นอกจากนี้ จังหวัดมุกดาหาร ยังได้จัดโต๊ะลงทะเบียนสมัครแข่งขันให้สำหรับนักวิ่งที่เพิ่งเดินทางมาถึงในวันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม 2554 ระหว่างเวลา 13.00-20.00 น.และในวันแข่งขัน 18 ธันวาคม 2554 ระหว่างเวลา 02.00-03.00 น. ณ โรงเรียนมุกดาวิทยานุกูล.

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กลุ่มจังหวัดสนุก รุกเชื่อมท่องเที่ยว เวียดนาม จีน

ดาวน์โหลด DSC_8211_...JPG (408.0 กิโลไบต์)ททท.กลุ่มสนุกรุกแมชชิ่งเปิดเส้นทางสู่ไทยผ่านสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 เชื่อมลาว-จีน-เวียดนาม
นายสมดี คชายั่งยืน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นำคณะททท.นครพนม, ผู้ประกอบการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดสนุก ประมาณ 40 ราย ประกอบด้วยบริษัททัวร์ท่องเที่ยว, โรงแรม, รีสอร์ท, ร้านอาหาร, สมาคมท่องเที่ยวกลุ่มสนุก 3 จังหวัด สกลนคร นครพนม และมุกดหาร ร่วมทำแมชชิ่งการท่องเที่ยวกับผู้ประกอบการในนครฮานอย ประเทศเวียดนาม และผู้ประกอบการที่นครหนานหนิง ประเทศจีนตอนใต้ ตามโครงการ แมชชิ่งการท่องเที่ยว นครพนม-ฮานอย-หนานหนิง 16-22 พย.54 ในขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการด้านทัวร์ท่องเที่ยวในนครหนานหนิง ประเทศจีน ไม่รู้จักเส้นทางที่จะเชื่อมการท่องเที่ยวจากจีนสู่ไทย ที่มีสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 มุกดาหาร-สะหวันนะเขต และสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน ซึ่งจีนมีความต้องการที่จะพัฒนาให้เป็นเส้นทางสู่อาเซียนในปี 2558
ในขณะที่นายโกศล สถิตธรรมจิตร กงสุลหนานหนิง ให้ความเห็นว่า หากเราจะเข้าตลาดจีนจะต้องมีเปเปอร์ที่เป็นภาษาจีนด้วย เช่นเดียวกันหากเป็นเวียดนามก็ควรมีภาษาบ้านเขา พร้อมกับการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัด ในกลุ่มจังหวัดสนุกว่ามีอะไรที่เหมาะสมกับการค้าการท่องเที่ยวหรือไม่อย่างไร เส้นทางที่จะเดินทางไปถึงจากที่ใดถึงที่ใด ซึ่งจุดที่เราจะขายได้น่าจะเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวจากจีนสู่ไทย จะต้องผ่านจีน, เวียดนาม, ลาว, และประเทศไทยจังหวัดกลุ่มสนุกที่มีสะพานเชื่อมต่อมายังจีนอยู่ถึง 2 แห่ง ให้เขาท่องเที่ยวเข้าทางหนึ่งออกทางหนึ่ง น่าจะเป็นการสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวบนเส้นทางแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
                นายวิชุกร กุหลาบศรี ผู้อำนวยการท่องเที่ยวนครพนม เปิดเผยว่า ครั้งนี้นับเป็นตัวแทนการท่องเที่ยวคณะแรกในกลุ่มจังหวัดสนุกที่เดินทางมาแมชชิงในตลาดท่องเที่ยวเวียดนามและจีนตอนไต้ตามแนวเส้นทางผ่านสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน ดังนั้น พวกเราจะต้องช่วยกันให้มากยิ่งขึ้นในการทำตลาดท่องเที่ยวไปสู่บ้านเราในกลุ่มจังหวัดสนุก คิดว่าพวกเขาคงรู้จักกรุงเทพฯ, พัทยา, และภูเก็ต แต่เราจะทำอย่างไรที่จะให้พวกเขารู้จักอีสานจังหวัดกลุ่มสนุกและจัดทัวร์ไปเที่ยวบ้านเราบ้าง คิดว่าเราอาจจะต้องสื่อให้เห็นอาหารอร่อยผลไม้หวานสดใหม่จากไร่ ซึ่งที่ผ่านมาอาหารไทยก็เป็นที่ยอมรับว่าเป็นสุดยอดอาหารสุขภาพที่อร่อยอันดับต้นของโลก แต่จะต้องให้เขาร่วมสำรวจเส้นทางเชื่อมโลกเชื่อมทะเลตะวันออกไปสู่อาเซียนตามที่จีนคาดหวังไว้ เนื่องจากประเทศจีนกำหนดด่านเอยี่ยวอยี้กวานแห่งนี้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สู่อาเซียนประกอบไปด้วยเวียดนาม, ลาว, ไทย, กัมพูชา, พม่า, อาจจะไปถึงสิงค์โปร์, อินโดนีเซีย, และมาเลย์เซียอีกด้วย แม้จะมีเส้นทางสายเหนือผ่านไทยไปสู่ไต้ทางสิงค์โปรก็ตาม

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

999- อิ่มบุญ จุลกฐิน ททท.นครพนม

ททท.นครพนม เชิญท่องเที่ยวสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีโบราณ
ปั้นฝ้ายสายบุญ จุลกฐิน เยือนถิ่นผู้ไท
ณ วัดศรีนันทาราม บ้านภู อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร
พร้อมสักการะพระมหาเจดีย์ชัยมงคล จ.ร้อยเอ็ด
2 วัน 1 คืน วันที่ 23- 24 ตุลาคม นี้

 เพียงท่านละ 999.- บาท
042513490-1


วันอาทิตย์ที่ 23  ตุลาคม 2554

05.00  น.        -  พร้อมกันบริเวณหน้าสำนักงาน ททท. สำนักงานนครพนม
05.30  น.        -  ออกเดินทางไปบ้านภู อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร
08.00 น.        -  ร่วมพิธีมงคลชัย เก็บฝ้ายใส่กระหยั่ง (ตะกร้า) ที่นำโดยเหล่าสาวพรหมจารี นุ่งขาวห่มขาว ดุจหมู่นางฟ้าลงมาเก็บดอกฝ้ายขาวอันบริสุทธิ์ นำไปปั่นเป็นเส้นใยถักทอเป็นผืนผ้า ชื่นชมกับความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านที่ลานทอผ้าในการเตรียมจุลกฐิน ชมขั้นตอนต่าง ๆ ในการทำผ้าทอดกฐิน และการแสดงพื้นเมือง
10.00 น.        - กราบนมัสการหลวงปู่จาม มหาปุญโญ   ณ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม
        - กราบแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ ณ วัดป่าห้วยทราย พร้อมชมเจดีย์ศรีไตรรัตนานุสรณ์
12.00 น.        - รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารบ่าวประดิษฐ์
13.00 น. - เดินทางไปอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ ชมความงามของหินรูปร่างแปลกตาตามแต่จะจินตนาการ
  ชมดอกไม้ป่าบานต้อนรับลมหนาว บริเวณลานมุจลินทร์
15.00 น.        - เดินทางไปชมหอแก้วมุกดาหาร ชมประวัติความเป็นมาของเมืองมุกดาหาร
16.30 น.        - ชม ชิม และช้อป เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองของกลุ่มอินโดจีน ณ ตลาดสินค้าอินโดจีน
18.00 น.        - กลับเข้าสู่ที่พัก รับประทานอาหารค่ำ

วันจันทร์ ที่ 24 ตุลาคม  2554

06.00 น.        - รับตะวันใหม่ รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
07.00 น.        - ออกเดินทางไปหมู่บ้านภู อำเภอหนองสูง
- ร่วมขบวนแห่ผ้าจุลกฐิน กับชาวบ้านที่แต่งกายพื้นบ้าน ร่วมขบวนแห่งวัฒนธรรม ที่ดูงดงาม
   ตระการตา ร่วมพิธีถวายผ้าจุลกฐิน ณ วัดศรีนันทาราม
10.00 น.        - ออกเดินทางไปอำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด
12.00 น.        - รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 น.        - นมัสการพระมหาเจดีย์ชัยมงคล เป็นพระเจดีย์ขนาดใหญ่องค์หนึ่งของประเทศไทย
 ศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสานเป็นการผสมกันระหว่างพระปฐมเจดีย์และ
 พระธาตุพนม โดยใช้งบประมาณสร้างถึง 3,000 ล้านบาท
15.00 น.        - เดินทางกลับจังหวัดนครพนม
......................................

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ททท.นครพนม ร่วมเปิดงานไหลเรือไฟ กาชาด 54 เมืองนครพนม



นายวิชุกร กุหลาบศรี ผอ.ททท.นครพนม ป็นตัวแทน ททท.มอบงบสนับสนุนงานเทศกาลไหลเรือไฟ และงานกาชาด จังหวัดนครพนม 2554 ณ เวทีหน้าศาลากาลางจังหวัดนครพนม

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554


วิชุกร กุหลาบศรี ผอ.ททท.นครพนม ชวนเที่ยว แซบ สนุก ครบรสที่ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ซึ่งในช่วงออกพรรษาปีนี้เที่ยวให้ครบทุกจังหวัด เช่น เที่ยวนครพนม เที่ยวไหลเรือไฟ ไหว้พระ 7วัดเสริมบุญบารมี    เที่ยวมุกดาหาร ชมแข่งเรือยาวตีช้างน้ำนอง Unseen Thailand ที่ภูผาเทิบ...ดอกไม้บานบนลานหิน  เที่ยวสกลนคร ปราสาทผึ้ง นมัสการพระอาจารย์เกจิ......ลิ้มรสชาติอาหารรสเลิศจากเทือกเขาภูพาน........

ออกพรรณษานี้มาเที่ยวกันเยอะๆ นะครับ....(โตโต้โสนแย้มพาเที่ยว)

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

เที่ยว ได้บุญ  จุลกฐิน....ที่ มุกดาหาร

วันเสาร์ ที่ 22 ตุลาคม 2554 กรุงเทพฯ – มุกดาหาร
06.00 น. พร้อมกัน ณ ปั้มน้ำมัน ปตท. ถนนวิภาวดี-รังสิต (ตรงข้ามมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย) หน้าร้าน 7 eleven
 พร้อมออกเดินทางสู่ จ.มุกดาหาร โดยรถบัสปรับอากาศ 2 ชั้น 8 ล้อ
 บริการอาหารเช้า (1) แบบปิคนิกพร้อมเครื่องดื่ม ระหว่างการเดินทางบนรถ
12.00 น. ถึง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น รับประทานอาหารกลางวัน (2) ณ ร้านไก่ย่างแม่ผ่องศรี
บ่าย หลังอาหารนำท่านออกเดนทางต่อไปยัง จ.มุกดาหาร
16.30 น. ถึง บ้านภู อ.หนองสูง หมู่บ้านวัฒนธรรมภูไท ที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ 
 ร่วมงาน พาแลง (3) (อาหารค่ำ) พิธีบายศรีสู่ขวัญ พร้อมชม การแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านชาวผู้ไท 
19.00 น. นำท่านเดินทางสู่ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร นำเข้าสู่ที่พัก โรงแรมมุกดาหารแกรนด์
 พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันอาทิตย์ ที่ 23 ตุลาคม  2554   พิธีเก็บฝ้าย–นมัสการหลวงปู่จาม–กราบแม่ชีแก้ว–พระธาตุพนม–พระธาตุเรณู
06.00 น. รับประทานอาหารเช้า (4) ณ ห้องอาหารของโรงแรม
07.00 น. ออกเดินทางไป อ.หนองสูง ร่วมพิธีมงคลชัย เก็บฝ้ายใส่กระหยั่ง (ตะกร้า) ที่นำโดยเหล่าสาวพรหมจารี นุ่งขาวห่มขาวดุจหมู่นางฟ้าลงมาเก็บดอกฝ้ายขาวอันบริสุทธิ์ นำไปปั่นเป็นเส้นใยถักทอเป็นผืนผ้า  
09.00 น. ชื่นชมกับความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านที่ลานทอผ้าในการเตรียมจุลกฐิน ชมขั้นตอนต่าง ๆ ในการทำผ้าทอดกฐินเพลิดเพลินกับการแสดงฟ้อนรำ และการเสียงเพลงบรรเลงของชาวผู้ไท อำเภอหนองสูง 
10.00 น. กราบนมัสการหลวงปู่จาม มหาปุญโญ พระอาจาริยารย์ที่มั่นคงในปรมัตถ์วิปัสสนากรรมฐาน ณ 
 วัดป่าวิเวกวัฒนาราม
 กราบแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ ณ วัดป่าห้วยทราย พร้อมชมเจดีย์ศรีไตรรัตนานุสรณ์
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน (5) ณ ร้านอาหารริเวอร์ไซด์
บ่าย -พระธาตุพนม พระธาตุประจำคนเกิดวันอาทิตย์ นอกจากจะเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันอาทิตย์แล้วยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีวอกอีกด้วย เชื่อกันว่าผู้ไปนมัสการจะได้รับอานิสงส์ให้มีบุญบารมีและผู้คนให้ความเคารพนับถือ
-พระธาตุเรณู พระธาตุประจำคนเกิดวันจันทร์  เป็นพระธาตุคู่เมืองของชาวเรณูนคร ใครได้ไปสักการะจะได้อานิสงส์มีศักดิ์ศรีทวีคูณและเสริมพลังนักสู้ให้มีจิตใจเข้มแข็ง
16.30 น. ชม ชิม และช้อป เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองของกลุ่มอินโดจีน ณ ตลาดสินค้าอินโดจีน 
18.00 น. กลับเข้าสู่ที่พัก รับประทานอาหารค่ำ (6) ณ ห้องอาหารภูไท อิ่มอร่อยกับอาหารเลิศรส ขับกล่อมท่านด้วยเสียงเพลงไพเราะ 

วันจันทร์ ที่ 24 ตุลาคม  2554 นั่งสกายแลปชิมของอร่อย – ถวายผ้าจุลกฐิน – อุบลราชธานี-วัดหนองบัว -นางรอง
06.00 น. รับตะวันใหม่ “นั่งสกายแลป ซอกแซกตรอกซอย ชิมของอร่อยเมืองมุก” อิ่มอร่อยอาหารจีน อาหารญวณ อาหารไทย ที่ขึ้นชื่อของเมืองมุกดาหาร(7)
08.00 น. กลับเข้าที่พัก เก็บสัมภาระออกเดินทางสู่ อ.หนองสูง 
ร่วมขบวนแห่ผ้าจุลกฐิน กับชาวบ้านที่แต่งกายพื้นบ้าน ร่วมขบวนแห่งวัฒนธรรม ที่ดูงดงามตระการตา ร่วมพิธีถวายผ้าจุลกฐิน ณ วัดศรีนันทาราม
10.00 น. ออกเดินทางไป จ.อุบลราชธานี 
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน (8)ณ ร้านสามชัยไก่ย่าง
บ่าย นำท่านสักการะ พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ (พุทธคยาจำลอง จากประเทศอินเดีย) ณ วัดหนองบัว
 ช้อปปิ้งของฝากขึ้นชื่อ อาทิเช่น หมูยอ แหนม ไส้กรอกอีสาน เป็นต้น สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับ 
17.00 น. ถึง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ อิสระกับการช้อปปิ้งของฝาก และรับประทานอาหารค่ำ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
22.30 น. ทุกท่านเดินทางถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม……………..

อัตรานี้รวม ค่ารถบัสปรับอากาศ / ค่าที่พัก 2 คืน / ค่าอาหาร 8 มื้อ / ค่ารถสกายแลป / ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ทุกแห่ง / ค่าประกันการเดินทาง ท่านละ 1,000,000 / ค่าเจ้าหน้าที่ดูแล และอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง


บริษัทฟูจิทัวร์(ประเทศไทย) จำกัด (ใบอนุญาตเลขที่11/2820) 
โทร.02-5402971-2,02-9186067,02-5180240  
Mobile 081-2632919, 081-2512207

เทียวได้บุญ กับ ททท.นครพนม

วันศุกร์ ที่ 14 ตุลาคม 2554         กรุงเทพฯ – มุกดาหาร
06.00 น.       พร้อมกัน ณ ปั้มน้ำมัน ปตท. ถนนวิภาวดี-รังสิต (ตรงข้ามมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย) หน้าร้าน 7 eleven
                   พร้อมออกเดินทางสู่ จ.มุกดาหาร โดยรถบัสปรับอากาศ 2 ชั้น 8 ล้อ
                   บริการอาหารเช้า (1) แบบปิคนิกพร้อมเครื่องดื่ม ระหว่างการเดินทางบนรถ
12.00 น.       ถึง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น รับประทานอาหารกลางวัน (2) ณ ร้านไก่ย่างแม่ผ่องศรี
บ่าย              หลังอาหารนำท่านออกเดนทางต่อไปยัง จ.มุกดาหาร
16.30 น.       ถึง วัดเวินไชย ทุกท่านร่วม พิธีไหลเรือไฟโบราณ หรือ ลอยเฮือไฟ เชื่อกันว่า ทำเพื่อบูชารอยพระพุทธบาท ถือเป็นการบูชาพระพุทธเจ้า ในวันมหาปวารณาออกพรรษา และ ความเชื่อเกี่ยวกับการขอขมาและรำลึกถึงพระคุณของพระแม่คงคา นอกจากนั้น ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับ การขอขมา และ รำลึกถึงพระคุณของพระแม่คงคา นอกจากนั้น ยังมีความเชื่อว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ “ไฟจะช่วยเผาผลาญ มลายความชั่วร้าย และขจัดปัดเป่าความทุกข์ยาก ความทุกข์เข็ญ ให้หนีพ้นไป
                   ร่วมงาน พาแลง (3) (อาหารค่ำ) พิธีบายศรีสู่ขวัญ พร้อมชม การแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้านชาวอำเภอดอนตาล
19.00 น.       นำท่านเดินทางสู่ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร นำเข้าสู่ที่พัก โรงแรมมุกดาหารแกรนด์
                   พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันเสาร์ ที่ 15 ตุลาคม 2554   พิธีเก็บฝ้าย–ภูผาเทิบ–วัดมโนรมย์–วัดศรีมหาโพธิ-วัดสองคอน-ตลาดอินโดจีน
06.00 น.       รับประทานอาหารเช้า (4) ณ ห้องอาหารของโรงแรม
07.00 น.       ออกเดินทางสู่ วัดมัชฌิมาวาส ร่วมพิธีมงคลชัย เก็บฝ้ายใส่กระหยั่ง (ตะกร้า) ที่นำโดยเหล่าสาวพรหมจารี นุ่งขาวห่มขาวดุจหมู่นางฟ้าลงมาเก็บดอกฝ้ายขาวอันบริสุทธิ์ นำไปปั่นเป็นเส้นใยถักทอเป็นผืนผ้า  
09.00 น.       ชื่นชมกับความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านที่ลานทอผ้าในการเตรียมจุลกฐิน ชมขั้นตอนต่าง ๆ เพลิดเพลินกับการฟ้อนรำ และการแสดงพื้นบ้านของชาวอำเภอดอนตาล ชมกลองมโหระทึก อายุกว่า 2000 ปี
10.00 น.       เดินทางไปอุทยานแห่งชาติมุกดาหาร (ภูผาเทิบ) ชมความงดงามของหมู่หินผาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ วางทับซ้อนเหมือนจัดวางอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นรูปร่างต่าง ๆ ตามแต่จินตนาการ ชมดอกดุสิตา สร้อยสุวรรณา หยาดน้ำค้าง ที่แข่งกันบานในฤดูกาลปลายฝนต้นหนาว สมควรแก่เวลาเดินทางกลับสู่เมืองมุกดาหาร
12.00 น.       รับประทานอาหารกลางวัน (5) ณ ร้านอาหารริเวอร์ไซด์
บ่าย              ชมสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ชมวิวทิวทัศน์ความสวยงามของลำน้ำโขง รับฟังเรื่องราวของพญานาค
                   ชม สิมโบราณ สถาปัตยกรรมล้านช้าง โดยฝีมือช่างหลวงจากเวียงจันทน์ ณ วัดมโนภิรมย์
                   ชม โบสถ์สถาปัตยกรรมอีสาน และตึกฝรั่ง ที่ก่อสร้างโดยช่างชาวญวณ และลาว ณ วัดศรีมหาโพธิ์
                   ชม โบสถ์คริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน อนุสรณ์สถานเพื่อเป็นเกียรติแก่นักบุญฯ ณ วัดสองคอน UNSEEN THAILAND
16.30 น.       ชม ชิม และช้อป เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองของกลุ่มอินโดจีน ณ ตลาดสินค้าอินโดจีน     
18.00 น.       กลับเข้าสู่ที่พัก รับประทานอาหารค่ำ (6) ณ ห้องอาหารภูไท อิ่มอร่อยกับอาหารเลิศรส ขับกล่อมท่านด้วยเสียงเพลงไพเราะ
วันอาทิตย์ ที่ 16 ตุลาคม 2554    นั่งสกายแลปชิมของอร่อย – ถวายผ้าจุลกฐิน – พระธาตุพนม – พระธาตุเชิงชุม-
06.00 น.       รับตะวันใหม่ “นั่งสกายแลป ซอกแซกตรอกซอย ชิมของอร่อยเมืองมุก” อิ่มอร่อยอาหารจีน อาหารญวณ อาหารไทย ที่ขึ้นชื่อของเมืองมุกดาหาร(7)
08.00 น.       กลับเข้าที่พัก เก็บสัมภาระออกเดินทางสู่ อ.ดอนตาล
ร่วมขบวนแห่ผ้าจุลกฐิน กับชาวบ้านที่แต่งกายพื้นบ้าน ร่วมขบวนแห่งวัฒนธรรม ที่ดูงดงามตระการตา ร่วมพิธีถวายผ้าจุลกฐินวัดมัชฌิมาวาส
10.00 น.       ออกเดินทางไปไหว้พระธาตุพนม พระธาตุประจำคนเกิดวันอาทิตย์ นอกจากจะเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนที่เกิดวันอาทิตย์แล้วยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีวอกอีกด้วย เชื่อกันว่าผู้ไปนมัสการจะได้รับอานิสงส์ให้มีบุญบารมีและผู้คนให้ความเคารพนับถือ ก่อนออกเดินทางสู่ จ.สกลนคร
12.30 น.       รับประทานอาหารกลางวัน (8) ณ ร้านสบันงา
บ่าย              พระธาตุเชิงชุม นำทุกท่านเดินทางกราบไหว้พระ และองค์พระธาตุ เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องจากพระธาตุองค์นี้ เป็นที่ชุมนุมรอยพระบาทนี่เอง จึงเรียกว่า “พระธาตุเชิงชุม” ในวิหารพระธาตุเชิงชุมเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์แสน พระพุทธรูปปางมารวิชัยพุทธแบบเชียงแสน เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสกลนคร
18.00 น.       ถึง จ.นครราชสีมา แวะให้ทุกท่านเปลี่ยนอิริยาบถ และทำภารกิจส่วนตัว ณ ปั้มน้ำมัน ปตท. อิสระกับการรับประทานอาหารค่ำ ณ ศูนย์อาหารอาทิตย์ไฮเวย์ หลังอาหารทุกท่านช้อปสินค้าของที่ระลึก และของฝากตามอัธยาศัย
22.30 น.       ทุกท่านเดินทางถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม……………..

อัตรานี้รวม        ค่ารถบัสปรับอากาศ / ค่าที่พัก 2 คืน / ค่าอาหาร 8 มื้อ / ค่ารถสกายแลป / ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ทุกแห่ง / ค่าประกันการเดินทาง ท่านละ 1,000,000 / ค่าเจ้าหน้าที่ดูแล และอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง


บริษัท ฟูจิทัวร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ใบอนุญาตเลขที่11/2820)
    โทร.02-5402971-2,02-9186067,02-5180240 , 081-2632919, 081-2512207

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

วันเดียวก็เที่ยวได้ครบทุกรสชาติแล้วค่ะ !!

ตาม WalkWayWhy ไปรู้จักเมืองมุกดาหารกันเถอะ
วันเดียวก็เที่ยวได้ครบทุกรสชาติแล้วค่ะ !!

-WKY Team-
 เที่ยวครบรส เมืองมุกดาหาร
...................................................................

:: เที่ยวครบรส เมืองมุกดาหาร ::P h o t o by W K Y Team / T e x t by
อัศวิน
มุกดาหาร เป็นหนึ่งใน 3 จังหวัดกลุ่ม “สนุก” อันประกอบไปด้วย สกลนคร มุกดาหาร
และนครพนม
เหตุที่เรียกทั้งสามจังหวัดนี้ว่า กลุ่มจังหวัด “สนุก”
ก็เนื่องมาจากการนำชื่อของทั้งสามจังหวัดมารวมกัน
โดยใช้ “ส.” จาก “สกลนคร” ในขณะที่ “นครพนม” ส่งตัวอักษร “น.” เข้ามาเป็นตัวแทน
ปิดท้ายด้วย
“สระอุ และ ก.” จากคำว่า “มุก” ของมุกดาหาร เมื่อจับมาเขย่าผสมรวมกัน
จึงออกมาเป็นคำว่า “สนุก”
นั่นเอง



เมื่อเร็วๆ นี้ ผมมีโอกาสไปเยือนทั้งสามจังหวัดในกลุ่ม “สนุก”
จึงขอถือโอกาสมาเล่าเรื่องการเดินทางให้ชาว WKY
ได้สนุกไปด้วยกันครับ โดยขอเริ่มจาก “มุกดาหาร”
จังหวัดที่ผมเคยมาเยือนแล้วเมื่อหลายปีก่อน ครั้งนั้นผมเดินทาง
มาที่นี่เพื่อใช้เป็นทางผ่านเข้าสู่ สปป.ลาว เหมือนกับที่หลายๆ
ท่านก็น่าจะเคยรับรู้มาก่อนเช่นกัน มีบางคนเคยตั้ง
คำถามกับผมว่า ถ้าไม่ข้ามไปลาว แล้วเราจะเที่ยวที่ไหนในที่มุกดาหารได้บ้าง?
เรามาหาคำตอบไปด้วยกันเลยครับ

ทริปนี้ ผมใช้เวลาที่มุกดาหารไม่นานมากนัก
แต่ก็สามารถค้นหาเสน่ห์ของมุกดาหารได้มากพอสมควรเลยทีเดียว
ขอเริ่มจากแหล่งกินก่อนเลยดีกว่า เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ !
มื้อเช้า หากท่านใดต้องการสัมผัสกับรสชาติอาหารพื้นเมืองของที่นี่ แนะนำให้มาที่
“ห้าแยกชุมชนเวียดนาม”
หรือ “ห้าแยกญวน” คนที่นี่เรียกกันว่า ห้าแยก
แต่สำหรับผมก็ยังมองว่าไม่ค่อยเป็นแยกสักเท่าไหร่ เพราะถ้า
พูดคำว่าห้าแยก เชื่อได้ว่าหลายท่านน่าจะคิดถึงถนนเส้นใหญ่จาก 5
ทิศทางวิ่งมาชนกันจนเกิดเป็นทางแยกใหญ่ๆ
5 แยก แต่อันที่จริงบริเวณที่เรียกว่าห้าแยกญวนนี้ ตั้งอยู่บนถนนพิทักษ์สันติราษฎร์
ตรงช่วงที่เป็นทางโค้ง โดย
มีซอยเล็กๆ ที่อยู่บริเวณทางโค้งนี้แยกออกไปเป็นซอยอีก 3 ซอยครับ ซึ่งผมเดาว่า
เหตุที่ชาวบ้านเรียก 5 แยก
ก็คงมาจาก 2 แยก คือ หัว-ท้ายของถนนพิทักษ์สันติราษฎร์ และ 3
แยกจากซอยทั้งสามนั่นเองครับ


บริเวณนี้ เป็นชุมชนที่ชาวเวียดนามอาศัยอยู่มาก่อนครับ
ดังนั้นร้านอาหารในแถบนี้จึงเป็นอาหารสไตล์เวียดนาม
เจ้าของร้านในปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 3 แล้วครับ
แต่รสชาติอาหารที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษยังคงเป็นที่นิยม
ของชาวมุกดาหารเหมือนเช่นเคย ที่ผมชอบเป็นพิเศษ คือ ข้าวเปียก ครับ
ทันทีที่ได้เห็นหน้าค่าตาเมนูนี้ ก็ทำให้
ผมร้องอ๋อขึ้นมาทันที เพราะผมรู้จักเมนูนี้ในชื่อของ ก๋วยจั๊บญวน
โดยหน้าตาดูคล้ายกับก๋วยจั๊บน้ำใสทั่วไป แต่เส้น
ที่ใช้จะเป็นเส้นกลมๆ อวบอิ่มเหนียวนุ่ม
มีขนาดใหญ่เท่ากับเอาเส้นเล็กมามัดรวมกันประมาณ 2-3 เส้น ใช้หมูยอ
เป็นวัตถุดิบหลัก แต่บางคนก็สามารถสั่งไข่ไก่ใส่เพิ่มไปได้ ราคาปกติชามละ 15
บาทเท่านั้น แต่ถ้าใส่ไข่ก็เพิ่มอีก
5 บาทครับ


ฝั่งตรงข้ามกับร้านข้าวเปียก 5 แยก คือ ร้านกาแฟ
ร้านนี้เป็นร้านที่ผมมองว่าเป็นร้านสำหรับอาหารเช้าอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะกับเมนูเด่นในร้าน คือ กาแฟโบราณ ไข่กระทะ และแซนด์วิช
หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ข้าวจี่” ร้านนี้เป็น
ร้านที่ค่อนข้างเก่า มองจากภายนอกพาลให้นึกไปถึงสภากาแฟของกลุ่มสว. (สูงวัย)
แต่ผมกลับรู้สึกชอบ ทั้งที่
ยังไม่แก่สักหน่อย (ฮ่าฮ่า)
ด้วยความที่พื้นที่ภายในร้านไม่ได้กว้างมากนัก
เมื่อเข้ามานั่งในนี้แล้วจะรู้สึกอบอุ่น พูดคุยกับเพื่อนฝูงได้อย่าง
ใกล้ชิด เผลอๆ จะได้ยินโต๊ะข้างๆ คุยกันโดยที่ไม่ต้องแอบฟังด้วย
ผมจึงได้ยินเสียงพูด เสียงคุย เสียงหัวเราะ
ดังขึ้นมาตลอด ทำให้มื้อเช้าที่นี่มีรสชาติมากครับ
อย่าถามผมนะครับว่าอะไรอร่อยที่สุด เพราะผมและทีมงาน
WKY สั่งมาครบทุกเมนูที่ร้านแนะนำ คือ กาแฟ-ไข่กระทะ-ข้าวจี่
ซึ่งเราก็ซัดกันเรียบครับ
ข้างๆ ร้านกาแฟ เป็นร้านเลือดแปลง ข้าวต้มใส้หมู ร้านนี้จะเน้นไปที่เครื่องใน
โดยเฉพาะเลือด ซึ่งเลือดหมู
ของที่นี่จะใช้เลือดสดๆ ปรุงครับ โดยจะนำเลือดไปแช่แข็งก่อน
เมื่อเลือดแข็งเป็นก้อนแล้วจึงค่อยนำมาปรุง
อาหาร แต่ไม่ได้ทำให้สุกก่อนนะครับ ชาวบ้านที่นี่นิยมกันมาก หากมาสายอาจอดกินได้
แต่สำหรับทีมงาน WKY
ยังไม่มีใครกล้าพอที่จะลองครับ (แหะ แหะ) ร้านถัดไป มีเฝอและขนมเบื้องญวนให้ชิมครับ
ใครที่ยังไม่อิ่มลุยต่อได้เลย
จากบริเวณห้าแยก เรานั่งรถสกายแล็ป หรือจะเรียกว่าเป็น ตุ๊กตุ๊ก ก็น่าจะได้
ใช้เวลาไม่กี่นาที ก็มาถึงจุดหมาย
ปลายทางที่ตลาดอินโดจีนที่อยู่ริมแม่น้ำโขงครับ เห็นผมเรียกว่า “ตลาด”
อย่าเพิ่งเหมาว่าจะเป็นแหล่งค้าขาย
เท่านั้นนะครับ เพราะบริเวณเลียบริมโขงนี้
ยังมีศาสนสถานสำคัญไม่น้อยที่ตั้งอยู่ท่ามกลางร้านค้ามากมาย ไม่ว่า
จะเป็น วัดศรีมงคลใต้ วัดยอดแก้วศรีวิชัย วัดศรีบุญเรือง
และศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง เป็นต้น
ถนนเลียบริมโขงแห่งนี้ มีชื่อว่า ถนนสำราญชายโขง ฝั่งที่ติดกับแม่น้ำโขง
จะมีทางเดินลงไปสู่พื้นที่ภายใน
ที่มีร้านค้าต่างๆ มากมายตั้งขายสินค้าเป็นล็อคๆ คล้ายกับตลาดนัด
แต่เป็นตลาดนัดในร่ม สินค้าที่นี่มีตั้งแต่
เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆจากในและต่างประเทศ อาหารแห้ง
ขนมนมเนย รวมถึงสินค้า-
โอท็อปของเมืองมุกดาหารด้วย


ส่วนบรรยากาศริมโขงที่อยู่ภายนอกนั้น
หากเป็นช่วงเวลากลางวันต้องถือว่าไม่สมควรมาเดินเล่นสักเท่าไหร่
เพราะแดดร้อนจัดถึงขนาดทำให้สาวๆ ผิวไหม้ได้เลยทีเดียว
แต่หากเป็นช่วงเช้าหรือช่วงเย็นที่แดดร่มลมตก
อากาศจะกำลังสบาย เหมาะที่จะมาเดินชิลล์ๆ ครับ
ท่านใดที่มาตลาดอินโดจีน อย่าลืมแวะสักการะศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้องก่อนนะครับ
ศาลนี้อยู่ต้นถนน
บริเวณหัวตลาดอินโดจีน ใกล้กับท่าด่านตรวจคนเข้าเมืองมุกดาหาร
มีประวัติเล่าขานกันว่า ราวปีพ.ศ.1896
เจ้าฟ้างุ้มแห่งเมืองล้านช้าง (ฝั่งลาว) ได้พาลูกหลานอพยพมาตามลำน้ำโขง
ผ่านเมืองหนองคาย นครพนม
จนมาเขตมุกดาหาร แต่เกิดเรือล่มเสียก่อนที่บริเวณปากห้วยมุก ทำให้ธิดา 2 พระองค์
คือ พระนางพิมพา กับ
พระนางลมพามา สิ้นชีพ หลังจากนั้น ทุกวันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 6
ชาวบ้านก็มักจะได้ยินมีเสียงร่ำไห้ของผู้หญิง
สองคน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเสียงของพระธิดาทั้งสองนั่นเอง
จึงมีการสร้างศาลขึ้นเพื่อให้วิญญาณได้สิงสถิต
ตั้งแต่ พ.ศ. 2314 และจากนั้นมา ชาวมุกดาหารก็จะถือเอาวันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 6
ของทุกปี เป็นเดือนที่ทำพิธี
เซ่นไหว้ บวงสรวง เจ้าแม่สองนางพี่น้องมาจวบจนถึงปัจจุบัน
เมื่อสักการะศาสนสถานต่างๆ รวมถึง ช้อปปิ้งอย่างจุใจบริเวณตลาดอินโดจีนแล้ว
สถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่ง
ที่ผมไม่อยากให้ทุกท่านพลาด ก็คือ อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ ครับ สำหรับผมแล้ว
มุกดาหารเป็นจังหวัดที่
สามารถเที่ยวได้ครบรสภายใน 1 วัน ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวกิน-ชิมอาหารพื้นเมือง
เที่ยวช้อป-ซื้อสินค้า
นานาชนิด เที่ยวสักการะ-กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และศาสนสถาน
แถมยังเที่ยวชมธรรมชาติในอุทยาน
แห่งชาติได้ด้วย โดยการเดินทางจากที่สู่ที่นั้นใช้เวลาไม่นานเลยครับ
อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 59 ของประเทศไทย มีเนื้อที่ราว
48.5 ตร.กม. หรือ
สามหมื่นกว่าไร่ บริเวณนี้อยู่ส่วนปลายสุดของเทือกเขาภูพาน
ลักษณะภูมิประเทศแถบนี้เป็นภูเขาหินทราย
ประกอบด้วยเทือกเขาน้อยใหญ่หลายลูกติดต่อกันแบบลูกคลื่น วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ขนาด
และห่างจากชายฝั่ง
แม่น้ำโขงประมาณ 4 กม. ภายในอุทยานฯ มีจุดน่าสนใจมากมาย อาทิ กลุ่มหินเทิบ
ลานมุจลินท์ น้ำตกวังเดือนห้า
ภูถ้ำพระ ผาอูฐ ผามะนาว และ ถ้ำฝ่ามือแดง เป็นต้น หากจะสำรวจภูผาเทิบให้ครบ
คงต้องใช้เวลากับที่นี่เต็มๆ วัน
ท่านใดที่มีเวลามากสามารถจับจองที่พักกับทางอุทยานฯได้ครับ
เพราะที่นี่มีบ้านพักอุทยานฯ ให้บริการนักท่องเที่ยว
อยู่แล้ว
สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ คือ กลุ่มหินเทิบ
ประติมากรรมธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะ
ของฝน น้ำ ลม และแสงแดด ผ่านกาลเวลามาถึง 120-95 ล้านปี (ก่อนประวัติศาสตร์)
โดยกลุ่มหินเหล่านี้มีสภาพ
รูปร่างต่างกัน จนแต่ละชิ้นก็ได้รับขนานนามต่างกันไป อาทิ หอยสังข์ หัวจระเข้
หอยเชลล์ หินมงกุฎ และจาน UBC
ได้ยินชื่อนี้ ทำให้ผมแอบคิดในใจว่า หากนอนค้างที่นี่คงไม่พลาดฟุตบอลนัดสำคัญ
แน่นอน ฮ่า ฮ่า
และกลุ่มหินที่เป็นเสมือนไฮไลท์ของกลุ่มหินเทิบนี้ ก็คือ เก๋งจีน
ลักษณะเป็นหินก้อนใหญ่ตั้งตรงตระหง่าน
และมีหินก้อนเล็กลักษณะคล้ายหลังคาเก๋งจีนซ้อนอยู่ด้านบนอีกที
จากจุดนี้หากเดินตรงต่อไป อีกราว 1 กม.
จะไปถึงน้ำตกวังเดือนห้าครับ แต่หากเลี้ยวซ้าย เดินเลาะลงมาจากโขดหินเรื่อยๆ
ก็จะกลับออกมาบรรจบกับ
ทางเข้าด้านหน้าได้เหมือนเดิม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะมาจบที่เก๋งจีนแล้วกลับ
เบ็ดเสร็จแล้วใช้เวลาเที่ยว
อุทยานฯ ชมกลุ่มหินเทิบ ประมาณ 1 ชั่วโมงครับ
น่าเสียดายที่ผมไม่มีเวลามากพอที่จะอยู่กับอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบได้เต็มๆ วัน
เพราะผมยังมีภารกิจ
ต้องไปเยือนสกลนครและนครพนมต่อ แต่โอกาสหน้าผมจะกลับมาที่นี่อีกหน
และจะขอใช้เวลาให้เต็มอิ่ม
กับที่นี่สักครั้งครับ ผมปิดท้ายทริปเที่ยวครบรส เมืองมุกดาหารที่นี่
ก่อนจะเตรียมตัวเดินทางไปยัง
“สกลนคร” และ “นครพนม” ต่อในวันรุ่งขึ้น

หากบก.ยังไว้ใจให้ผมเล่าเรื่องต่อ เราจะได้พบกันใหม่ครับ ! (ฮ่า ฮ่า)

.............................................

ดูหน้าบทความในเวบไซต์ คลิกที่นี่




***************



อ่านบทความดีๆ เพิ่มเติม ได้ที่ www.walkwaywhy.com
เวบไซต์ท่องเที่ยว สาระ ไลฟ์สไตล์ ให้คุณเปิดอ่านเพลินๆ ตลอดวัน

ใครอยากให้เราอัพเดทบทความใหม่ๆ ส่งตรงถึงคุณเรื่อยๆ
สามารถไปกรอกอีเมลล์เพื่อรับข่าวสารจากเราได้ที่หน้าเวบค่ะ

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

ผอ.ททท.นครพนม ร่วมงาน เกษตร ที่สกลนคร





31 ส.ค. 54
นายวิชุกร กุหลาบศรี ผอ.ททท.สำนักงานนครพนม ร่วมงานมหกรรม คาราวาน ท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดสนุก( สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) โดย ท่าน ผอ.ฯ เป็นผู้กล่าวรายงาน ต่อ ประธานในพิธี ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นางนิตยา ประสงค์วัฒนา  ณ เวทีกลาง งานคาราวาน สนุก และมหกรรมสินค้าเกษตรปลอดภัยและเกษตรแฟร์นนทรีอีสาน  ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตสกลนคร   
มีรถที่เข้าร่วมโครงการกว่า 40 คัน ผู้เข้าร่วมโครงการ กว่า 150 คน ในงานมีศิลปินดาราร่วมงาน คือ
คุณ ตุ๊กกี้ พ้อมทีมงานมาร่วมให้ความบันเทิง.. และยังมีพิธีกรสาวสวย คุณพิมลดา ปัญญาภาค (ออแกไนซ์มือาชีพ) ร่วมให้ความบันเทิง ด้วย... และท่าน ผอ.ททท.ยัง ขอเชิญเที่ยวงาน "ประเพณีแห่ประสาทผึ้งและแข่งขันเรือยาว ...ระหว่างวันที่ 8-12 ตุลาคมนี้ด้วย ครับ....ที่สกลนคร........

สำหรับกิจกรรมดีๆอย่างนี้ ททท.ร่วมสนับสนุบ..ค๊าบๆๆๆๆๆ
ภาพ/ข่าว โดย โตโต้ โสนแย้ม..(อัครเดชา ฮวดคันทะ)

ดาวน์โหลดภาพกิจกรรม ได้ที่
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.10150279283298366.331384.674853365
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.10150279509623366.331433.674853365

ททท.นครพนม รับคณะคาราวานจากเมืองจีน





 30 สิงหาคม 54
นายอภิชาติ อินทร์พงษ์พันธุ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ททท.
นายสมดี คชายั่งยืน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม
พร้อมนายกสมามนักข่าวจังหวัดนครพนม( นายธนวัฒน์ จันต๊ะบุญ)   สื่อมวนชน จังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่ ททท.สำนักงานนครพนม  เลี้ยงต้อนรับคณะ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว คาราวาน จากประเทศจีน โดยมีการรำบายศรีสู่ขวัญสาวสาวงามหนุ่มหล่อ เมืองเว เรณูนคร  และพาชาวคณะ ดูดอุขี่ช้างชมเมือง บรรยากาศสนุกสนาน ให้ผู้มาเยือนเองนครพนม เก็บความประทับใจใส่กระเป๋ากลับบ้าน ไปด้วย.....งานนี้ โตโต้โสนแย้ม ทั้งเก็บภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว แต่ไม่เหนื่อยนะครับ...สาวๆ สวยๆ และทุกๆท่านที่ร่วมงานในครั้งนี้ ต่างมีมนุย์สัมพันธ์ที่ดีต่อกันทุกคน ครับ...

ออ.....การมาของคณะในคั้งนี้มาเพื่อการสำรวจเส้นทางเพื่อการทำ คาราวานรถยนต์ จาก จีน เวียดนาม ลาว และประเทศไทย   งานนี้ นครพนม ดังอีแล้วครับผม

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผอ.ททท.นครพนม เล่าข่าว กับ บก.ธนวัฒน์



นายวิชุกร กุหลาบศรี ผอ.ททท.นครพม พร้อมด้วย นายธนวัฒน์ จันต๊ะบุญ นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครพนม กำลังบันทึกเทปโทรทัศน์ รายการข่าวประชาสัมพันธ์ การศึกษา การท่องเที่ยว เพื่อออกเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์NP เคเบิ้ลทีวี เชิญชวนนักท่องเที่ยว ร่วมห่มผ้าพระธาตประจำวันเกิด ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวสามารถทำได้ตลอดทั้งปี และเป็นการเสริมบุญบารมีให้ตัวเองและครอบครัวด้วย และยังเชิญชวนนักท่องเที่ยว หัวใจใหม่ทุกท่านร่วมป,กป่า เสริมอาหารช้างที่ภูพาน จ.สกลนคร ในกิจกรรมดังกล่าวมีกิจกรรมต่างๆมากมายและได้ร่วมกิจกรรมกเพื่อนพ้องน้องพี่ ททท.นครพนม ด้วย อีกทั้งยังได้ประชาสัมพันธ์เทศกาลไหลเรือไปที่ จังหวัดนครพนม ซึ่งในปีนี้งานจะไดจัดในช่วง วันที่ 5-13 ตุลาคม 54 นี้

อัครเดชา ฮวดคันทะ รายงาน

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วิถีชุมชน คน กับ น้ำ

ไปเมืองเว เรณูนคร



วัดธาตุเรณู เดิมชื่อวัดกลาง ตั้งอยู่ระหว่างตำบลเรณูและตำบลโพนทองติดต่อกัน เนื้อที่ดินตั้งวัดทั้งหมด 20ไร่ 3 งาน ที่ธรณีสงฆ์ 1 ไร่ 1 งาน วัดนี้เป็นวัดสร้างขึ้นมาแต่ครั้งโบราณกาล แต่ไม่ปรกกฎหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้นำสร้าง และได้สร้างขึ้นแต่ครั้งใด พ.ศ.ใด ตามคำผู้ใหญ่ผู้เฒ่าเล่าสืบๆ กันมาว่า เจ้าเมืองผู้ปกครองเมืองเวคนแรก เมือ่ได้สร้างบ้างสร้างเมืองกันเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้พร้อมด้วยอุปราชและกรรมการเมืองทั้งหลาย ตลอดไพร่ฟ้าราษฎรปรีกษาพิจารณาตกลงกันเป็นเอกฉันท์ เพื่อสร้างวัดขึ้นไว้ในที่ตรงใจกลางเมือง ราวปี พ.ศ. 2373 เพื่อให้เป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง และเป็นวัดสำหรับประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา เป็นต้น ตามธรรมเนียมหรือประเพณีการทางบ้านเมืองในสมัยนั้น ดังนั้น วัดนี้ชางบ้านชาวเมืองทั่วไปจึงเรียกชื่อตามสถานที่ตั้งวัดว่า วัดกลาง สืบๆ กันมา เพราะตั้งอยู่กลางเมืองหรือตั้งอยู่ระหว่างกลางของวัดทั้ง 2 คือ วัดเหนือและวัดใต้ ซึ่งวัดทั้ง 2 นี้ ได้สร้างขึ้นภายหลังเพราะการเรียกชื่อสถานที่ต่างๆ มีวัดเป็นต้นของชนในสมัยก่อนโน้น มักนิยมเรียกกันตามภูมิประเทศหรือเหตุการณ์เกี่ยวกันสถานที่นั้นๆ ต่อมาถึงรัชการที่ 3 กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้เสด็จประพาสภาคอีสาน ได้ทรางเข้าแวะเยี่ยมประชาชนชาวเมืองเว ได้ทรงเห็นดอกไม้นานาชนิด มีดอกบัวเป็นต้น ขึ้นอยู่ตามที่ต่างๆ มากมาย และประกอบทั้งการได้ทอดพระเนตรเห็นสุภาพสตรีสาวสายชาวเมืองเวที่มารับเสด็จจำนวนมากมาย จึงได้ประทานเปลี่ยนชื่อเมือง จากเมืองเวลานามเดิมมาเป็นเมืองเรณูนคร ตั้งแต่บัดนั้นมาเมืองเวจึงได้ชื่อว่าเมืองเรณูนครจนทุกวันนี้ส่วนวัดก็ยังคงชื่อวัดกลางอยู่ตามเดิม ความเป็นมาของพระธาตุเรณู นั้นได้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2460 โดยพระอุปัชฌาย์อินภูมิโย มีการจำลองรูปทรงมาจากพระธาตุพนมองค์เดิมในช่วงก่อนที่จะล้มลงในปี พ.ศ.2518 แต่มีขนาดเล็กกว่า ประกอบด้วยซุ้มประตู 4 ด้าน ภายในองค์พระธาตุเรณูนั้นบรรจุพระไตรปิฏก พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน และของมีค่าที่ประชาชนนำมาบริจาค รวมทั้งเครื่องกกุธภัณฑ์ของพระยาและเจ้าเมืองเดิม มีการทำพิธีบรรจุพระบรมสาริกธาตุ และพระอรหันต์ธาตุเมื่อปี พ.ศ.2519ถือเป็นพระธาตุที่ได้รับการเคารพสักการะมากแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พระธาตุพนม



บันทึกภาพสวยๆ นี้มาฝากครับ....That Phanom pagoda
That Phanom is a little town, which stands on the Mekong river. The Mekong river is the border between Lao and Thailand in all "ISAN" area. In this quiet town, tourists can visit "WAT PHRA THAT PHANOM", wander in the market in order to eat Isan food and enjoy a promenade along the Mekong shore.

          The only way to go to That Phanom is to take the bus. In Bangkok, the buses are leaving the terminal, called "MOR CHIT" (หมอชีต), to go to Northeast area.
\
         Many temples with Laotian architectural characteristics can be found in "ISAN" area. One of the most famous is "WAT PHRA THAT PHANOM" for its huge pagoda ("CHEDI" - เจดีย์). For big feasts even Lao people cross the border and go to the temple "WAT PHRA THAT PHANOM".

วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เที่ยวอีสาน..แหล่งเรียนรู้..อู่อาระยะธรรม



ไปถ่ายภาพกันไหม........ได้บุญ หนุนดวง..ควงแฟนไปด้วน นะครับ....
                                                                                                                                                                                                    
โปรแกรมที่ 1 (เดินทางโดยรถยนต์)
ท่องเที่ยวออมบุญ นมัสการพะธาตุประจำวันเกิด  ที่ นครพนม
( กรุงเทพฯ-นครพนม- กรุงเทพฯ )

วันแรก    (กรุงเทพฯ- นครพนม)  
05.00 น.         - คณะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ  ไปยังจังหวัดนครพนม
16.00 น.         - ถึงจังหวัดนครพนม  เข้าที่พัก/ทำภารกิจส่วนตัว
16.30 น.         - ถึงจุดถ่ายภาพ วัดพระธาตุนคร  พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันเสาร์วัดมหาธาตุ บริเวณ
ถนนสุนทรวิจิตร ในเมืองนครพนม
17 .30           - เข้าสู่โปรแกรม ล่องโขงมหานที ศรีโคตรบูรณ์ 
18.40            -  รับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารพื้นเมือง...ในเมืองนครพน   /
20.00            - เข้าสู่โปรแกรม ชมเมืองเก่าเล่าเรื่องเมือนครพนม ณ ย่านหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์
/พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่สอง   (นครพนม – ท่าอุเทน – นาหว้า – ปลาปาก)
08.00 น.         - ออกเดินทางไป ชม สถานที่ก่อสร้าง สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 นครพนม – คำม่วน  
09.00 น.         - ออกเดินทางไปยัง อ.ท่าอุเทน 15 กม.  ถึงจุดถ่ายภาพ พระธาตุท่าอุเทน...(หมายเหตุ ถ้าหากโปรแกรมตรงกับ วันจันทร์ และวันพฤหัสบดี จะได้เก็บภาพ ตลาดสินค้าไทย-ลาว ณ จุดผ่อนปรน อ.ท่าอุเทน – เมืองหินบูร แขวงคำม่วน ปป.ลาว ด้วย)
10.00 น.         - ออกเดินทางไป อ.นาหว้า 
11.00 น.         - ถึง จุดถ่ายภาพ วัดพระธาตุประสิทธิ์  อ.นาหว้า พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี แวะเก็บภาพ ผ้าไหมของดีนาหว้า
12.00 น.         พักรับประทานอาหารเที่ยง ที่ ร้านอาหารครัวแม่ทองใบ หรือตามแต่แหมาะสม
 13.30 น.        แวะเก็บภาพ หมู่บ้านแห่งเสียงดนตรี บ้านท่าเรือ  หมู่บ้านที่ ผลิตเครื่องดนตรีอีสาน พิณแคน โหวด โปงลาง ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
14.30 น.         ออกเดินทางไป พระธาตุมหาชัย ต.มหาชัย อ.ปลาปาก .นครพนม
15.30 น.         ถึงวัดพระธาตุมหาชัย เก็บภาพบรรยากาศ พระธาตุมหาชัย พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวัน พุธ
16.30 น.         เดินทางกลับมาในเมืองนครพนม   
17.00 น.             ขับรถตามถนน สุนทรวิจิตร แวะถ่ายภาพ โบสถ์นักบุญอันนา /จวนผู้ว่าราชการจังหวัดหลังเก่า /หอนาฬิกา/เขื่อนหน้าเมืองนครพนม/ ตลาดโต้รุ่งเมืองนครพนม
18.00น.              รับประทานอาหารเย็น ตามอัธยาศัย
วันที่สาม    (นครพนม เรณูนคร- ธาตุพนม-นาแก-กรุงเทพฯ)
06.00 น.         - ใส่บาตรยามเช้า  ริมแม่น้ำโขง หน้าวัดพระธาตุนคร พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันเสาร์
07.00 น.         - รับประทานอาหารเช้า    โรงแรมที่พัก
08.00 น.         -  ออกเดินทางไปยัง อ.เรณูนคร
09.00น.          -  ถึงพระธาตุเรณู  อ.เรณูนคร พะธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันจันทร์  เก็บภาพบบรรยากาศ   ภายในวัดฯ แลเก็บภาพ หอปู่ถลา ที่เป็นที่เคารพและสักการะของชาวผู้ไท เรณูนคร
10.00 น.         เดินทางไป อ.ธาตุพนม
                   - นมัสการพระธาตุพนม   พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์    และเป็นพระธาตุประจำปี
                     เกิดของคนที่เกิดปีวอก   ชมพิพิธภัณฑ์รัตนโมลีศรีโคตรบูรณ์  ซึ่งอยู่ภายในบริเวณวัด   ซุ้มประตูเมืองธาตุพนม /ชมการสาธิตการทำกาลาแม สินค้าโอทอป 5 ดาว .นครพนม พร้อมเก็บภาพบรรยากาศย่านเมืองเก่าเล่าเรื่อง เมืองธาตุพนม ชมสองฝั่งโขง ธาตุพนม เซบั้งไฟ  สปป.ลาว.
12.00 น.         พักรับประทานอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหารเมืองธาตุพนม/มอัธยาศัย
13.30 น.         ออกเดินทางไป อ. นาแก จ.นครพนม
14.00 น.         ถึงวัดภูพาน อุดมธรรม (ดานสาวคอย) นมัสการพระธาตุประจำวันเกิดจำลอง 7 พระธาตุ พร้อมทั้งเก็บภาพบรรยากาศภายในวัด
15.30            ออกเดินทางไป วัดพระธาตุศรีคุณ นมัสการพระธาตุฯและเก็บภาพบรรยากาศ
16.30            เดินทางกลับ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ 

                                                                 ********************
หมายเหตุ :    กำหนดการอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม

เที่ยวอีสาน อิ่มบุญ สุขใจ ต้องให้ โตโต้โสนแย้ม พาเที่ยว ครับ........

วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วันแม่ปีนี้ ขอเชิญ ปลูกป่า ให้อาหารช้าง..ที่สกลนคร

18-19 ส.ค. 54 ปลูกป่า...ให้ช้าง....
                            .เพื่อแม่...
ที่ ภูพาน สกลนคร
นักท่องเที่ยวยุใหม่ หัวใจ อนุรักษ์......
เที่ยว หัวใจใหม่ เมืองไทย ยั่งยืน
18- 19 สิงหาคม 54 นี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม ขอเชิญ นักท่องเที่ยวยุคใหม่หัวใจอนุรักษ์ ทุกท่าน ร่วมปลูกป่าให้อาหารช้าง ณ บริเวณ อุทยานแห่งชาติภูพาน จ.สกลนคร เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ทุกท่านเข้าใจถึงคำว่า นักท่องเที่ยวยุคใหม่หัวใจอนุรักษ์ ภายใต้แคมเปญ  เที่ยวหัวใจใหม่ เมืองไทย ยั่งยืน......
ในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีการร่วมกันปลูกพืช นาๆ พันธ์ และยังมีมีกิจกรรมต่างๆมากมาย อาทิ กิจกรรม Walk Rally  ฟังบทเพลงอนุรักษ์ จากศิลปินแห่งเทือกเขาภูพาน และฟังนิทานเรื่องเล่าขานตำนานภูพาน อย่าง  สนุก สุขใจ  และสัมผัสสวรรค์แห่งธรรมชาติ

รายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.tatsanuk.blogspot.com/    042 513490 -2


อัครเดชา ฮ. รายงาน

วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

แห่เทียน 54 นครพนม คึกคัก


แห่เทียน 54 นครพนม คึกคัก


จังหวัดนครพนม เทศบาลเมืองนครพนม ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จักแห่เทียนเข้าพรรษาได้ยิ่งใหญ่กว่าทุกๆ ปี โดยมี สถาบันการศึกษา ไม่ว่าจะเป็น มหาวิทยาลัยนครพนม  วิทยาลัยเทคโนโลยีและการจัดการนครพนม นครพนมวิทยาคม ปิยะมหาราชาลัย และโรงเรียนต่างๆ ทั้งในเขตเทศบาลเมืองนครพนม และ นอกเขตเทศบาล ร่วมงาน อย่างคึกคัก...ไม่แพ้จังหวัดอื่นที่มีการแห่เทียนเข้าพรรษา .และคาดว่า ปีหน้า..จะมีการจัดงานที่ยิ่งใหญ่กว่าปีนี้....อย่างแน่นอนเนื่องจาก จะเป็นการส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนม และประทศเพื่อนบ้าน ลาว เวียดนาม และจีน รวมทั้งประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง จะได้ทำการเปิดใช้สพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 นครพนม -คำม่วน ในวันที่ 11 พ.ย. 54 นี้...




















เทศบาลเมืองนครพนม จัดงานวันอาสาฬหบูชาและประเพณีวันเข้าพรรษาประจำปี2554
 
 
เทศบาลเมืองนครพนม ร่วมกับหน่วยงานราชการ ภาครัฐ เอกชนและประชาชนชาวคุ้มวัดต่างๆในเขตเทศบาล จัดงานวันอาสาฬหบูชาและประเพณีวันเข้าพรรษา ประจำปี2554ขึ้นในวันศุกร์ที่15 กรกฎาคม 2554 เวลา13.00น. ณบริเวณหน้าศาลหลักเมือง เพื่อเป็นการดำรงรักษาวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยให้คงอยู่สืบไป โดยจัดให้มีการประกวดต้นเทียนพรรษา และการประกวดขบวนแห่เทียนพรรษา จำนวน24 ขบวน รางวัลชนะเลิศ และรองชนะเลิศ ได้รับรางวัลเงินสด10,000บาท 7,000บาท และ 5,000บาท ตามลำดับ เทศบาลเมืองนครพนม จึงขอเชิญประชาชนชาวจังหวัดนครพนม ร่วมงานวันอาสาฬหบูชา และประเพณีวันเข้าพรรษา ประจำปี2554 ในวันศุกร์ ที่15 กรกฎาคม 2554 เวลา13.00น.ณบริเวณหน้าศาลหลักเมืองประจำจังหวัดนครพนมและร่วมเวียนเทียน เนื่องในวันอาสาฬหบูชาในช่วงค่ำตามวัดต่างๆ อย่างพร้อมเพรียงกัน

โตโสนแย้ม รายงาน......

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ททท.พาผู้หญิงเที่ยว สนุก

ททท.สำนักงานนครพนม
กับโครงการ  Lady journey พาผู้หญิงเที่ยวไทย
 อีสานแหล่งเรียนรู้ อู่อารยธรรม...

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำโดยนายอภิชาติ อินทร์พงษ์พันธ์
ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ......
นายวิชุกร กุหลาบศรี  ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม พากลุ่มสตรี เที่ยว หลากรสแดนอีสาน เสน่ห์มนต์ตราริมฝั่งโขง ที่ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร  โดยมี ศิลปินนักแสดง จาก ไทยทีวีสีช่อง 3  น้องแนน ปิยะดา ตุรงคกุล เป็นผ้ร่วมในโครงการนี้ด้วย

เริ่มต้นด้วยการนมัสการพระธาตุเชิงชุม สัการะสถานคู่เมืองหนองหารหลวง สกลนคร  แวะชิมรสแซบ ที่ร้านสะบัน ในเมืองสกลนคร .......จากนั้นก็ไปทำกิจกรรมดีๆกันที่ ภูพาน สวรรค์แห่งธรรมชาติ

กิจกรรมดีๆที่ แซบ@สนุก จัดให้ในครั้งนี้ ได้พาเที่ยวหลายที่ อาทิ หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงเกษตร บ้านโนนหัวช้าง อ.ภูพาน จ.สกลนคร ทำแกงหวายร่วมกับสาวๆ ชาวบ้านโนนหัวช้าง แล้วก็ชิมรสแซบ ของแกงหวายกลางภูพาน ลิ้มรส ผลิตภัณฑ์ จากหมากเม่า ผลไม้แห่งที่ราสูง ไม่ว่าจะเป็น ไวน์ น้ำหมากเม่า ชาเขียวยอดเม่า  แล้วยังร่วมกันท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กับการ ร่วมกันปลูกต้นไม้ บริเวณศูนย์เรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตรอีกด้วย
จากนั้น ผอ.อภิชาติ  อินทร์พงษ์พันธ์  และผอ.วิชุกร กุหลาบศรี พาคณะ มาเที่ยวชม นครแห่งขุนเขา เมืองนครพนม กับนิยามที่ว่า ดงภูเป็นของฝั่งลาว..ทิวทัศน์อดยาวเป็นของฝั่งไทย...กับทริปเพิ่มออกซิเจน กับการล่องโขงมหาที ศรีโคตรบูร..ที่แม่โขง เมืองนครพนม......ชมสถาปัตยกรรมทั้งเป็นแบบไทยดั้งเดิม ศิลปสิ่งป,กส้างเวียดนาม ผสม ฝรั่งเศษ.......สองฟากฝั่งแม่โขง ...ถนนสุนทรวิจิตร.......
    จากนั้น  รุ่งอรุณยามเช้า.....เราก็ปั่นจักรยานสองล้อคู่ใจไปชมเมืองเก่า เล่าเรื่องเมืองนครพนม...
บรรยากาศแบบสนุกสุขใจกันอย่างเต็มที่...จากนั้นก็ไปสัมผัสวิถีชาวผู้ไทย ที่ เมืองเว เรณูนคร ห่มผ้าพระธาตุประจำวันเกิด ชีวิตล้ำเลิศตลอดปี...และชมรำบายศรีสู่ขวัญ....ดูดอุ ขี่ช้างชมเมือง.....สนุกสนาน อิ่มบุญสุขใจกันมากครับ แล้วชาวคณะก็ร่วมใจหม่ผ้าพระธาตุประจำวันเกิดที่ พระธาตุพนม  จากนั้น ก็ไปเที่ยวแดน มหัศจรรย์ ที่ภูผาเทิบมุกดาหาร......บรรยากาศ แซบ สนุกจริงๆ ครับ

แล้วจะมาเล่าข่าวกันต่อ นะครับ......

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เที่ยวสกล ยลภูพาน เปิดตำนาน ดำนา

เมื่อเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมกะหลานชายได้มีโอกาสกลับ้านที่ เขาวงกาฬสินธุ์ ครับ และได้แวะเที่ยวตามใจฉันที่ถนนสาย สกล-กาฬสินธุ์ และเที่ยวอีหลายที่ ครับ
แวะกินไก่ย่าง ที่ร้าน ลำดวน บ้านนาคำ สกลนคร ครับ


แล้วเราก็ไปที่ห้วยเดียก กัน ครับ


แล้วก็ไปที่ เขื่อนนำพุง ระหว่างทางแวะซื้อเห็ดโคลน หรือเห็นปลวก ตาบ ครับ โห...โลละ400 บาท
เลย ครับ....................แพงนะเนี๊ยะ..แม่บอกว่า ซื้อปลาได้ตั้งหลายโล ครับ

จากนั้นไป เขื่อนน้ำพุง


..........มาตากแดด เที่ยวกันครับ





แหล่งเก่าแกะสลักหิน..นากระเดา...
เออ.....เดี๋ยวเสร็จจากนี่ จะพาไปดำนานะครับ...